บทสวดจิตวิญญาณ

บทสวดจิตวิญญาณ

เวลาก่อนนอน หรือตื่นมาตอนเช้า นัทจะเอาเคลียควอตเขี้ยวหนุมานกำไว้ในมือ แล้วเปิดบทสวดจิตวิญญาณของพี่ปริณ เพจรวยเฮงเก่งดี

นัทใส่ลำโพงแล้วเอาหินวางไว้ที่ลำโพงด้วย เพื่อขยายพลังงานสั่นสะเทือน มันเป็นวิธีการที่นัทคิดขึ้นมาเอง โดยรวมเอาพลังของเสียง+คำพูด+พลังหินคริสตัล+พลังของภาพไพ่+พลังจิตของเรา มาหลอมรวมให้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อยกระดับจิตและเคลียพลังงานให้บริสุทธิ์

ใครจะเอาวิธีนี้ไปใช้ก็ได้นะ แล้วมาเล่าสู่กันฟังว่าใช้เเล้วเป็นยังไงบ้าง

ส่วนบทสวดจิตวิณญาณคุณสามารถไปหาฟังได้ในเพจ รวยเฮงเก่งดีค่ะ

ของนัทตัดเอาท่อนของบทนี้มาแปลงเป็น mp3 มีข้อความดังนี้ค่ะ

” ปริณเคยแนะนำให้สมาชิกที่มี Crystal เป็นคริสตัลใสๆเล็กๆเป็นเขี้ยวหนุมานใช้กำไว้ในมือ ไม่มีไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องสรรหา ไม่มีไม่เป็นไรนะ ถ้ามีเอากำไว้นะ เสร็จแล้วก็บอกว่า
………………………..

ข้าพเจ้าขอสัญญาว่านับจากวันนี้และทุกๆวันแห่งชีวิตอันเป็นนิรันดร์
ข้อที่
1. ข้าพเจ้าเป็นคนเข้มแข็งไม่ยอมให้สิ่งใดมารบกวนจิตใจข้าพเจ้าได้

2 .ข้าพเจ้าขอมอบความสุขความอุดมสมบูรณ์แข็งแรงให้แก่ทุกคนที่ข้าพเจ้าได้รู้จักให้ทุกๆคนมีความรู้สึกที่ดีๆมองโลกในแง่ดีโลกแง่ดีเหล่านั้นต้องมาเป็นความจริง

3 .ข้าพเจ้าคิดถึงและหวังในสิ่งที่ดีๆและเป็นคนที่กระตือรือร้นในความสำเร็จของคนอื่นเช่นเดียวกับของตนเอง(ท่องข้อนี้ไว้บ่อยๆ)

4. ข้าพเจ้าเข้าใจและขออโหสิกรรมให้อภัยความผิดพลาดต่างๆที่เกิดขึ้นในอดีตมุ่งเน้นไปที่ความยิ่งใหญ่กว่าในอนาคต

5 .ข้าพเจ้ามอบรอยยิ้มความสุขชื่นบานให้กับสิ่งมีชีวิตที่ข้าพเจ้าพบเจอขอให้เวลาทั้งหมดไปกับการพัฒนาตัวเอง
หยุดวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นเลิกวิตกกังวลทำตนให้สูงส่งกว่าความโกรธแข็งแรงเกินกว่าความกลัวและมีความสุขมากเกินกว่าการรองรับปัญหาต่างๆ

ข้าพเจ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ข้าพเจ้าเหมาะสมกับสิ่งที่ถูกต้องที่สุด
ข้าพเจ้าเหมาะสมที่ได้รับของขวัญพร้อมแล้วที่รองรับความสบายกายสบายใจความสุขสมหวังมั่งคั่งร่ำรวยที่จักรวาลส่งมาให้ข้าพเจ้า “

…………….พี่ปริณได้แนะนำว่า!!

” อันนี้เป็นบทสวดจิตวิญญาณแบบเบสิค แบบเบสิคนะคะเป็นจุดเริ่มต้น basic ที่มนุษย์มงคลที่ติดตามปริณเมื่อ 3 ปีที่แล้วคุณจะได้ข้อความนี้อันนี้เป็นจุดเริ่มต้นเพราะมันมีลึกซึ้งกว่าถ้าคุณเดินตามเรามาเรื่อยๆเดินมาด้วยกันเดินเคียงคู่กันไปเรื่อยๆมันลึกซึ้งลงไปกว่านี้อีกมาก

อันนี้เป็นเบสิกสำหรับคนที่ยินดีกับความสุขคนอื่นยังไม่ได้
สำหรับคนที่ยังไม่ได้สัมผัสถึงความเบิกบาน ในชีวิตที่กำลังมืดมนมากๆนะคะ

สวดบทนี้เป็นประจำนี่คือบทสวดคุณต้องทำความเข้าใจนะคนที่เพิ่งเข้ามาฟังปริณ CD บทสวดหรือบทสวดต่างๆของปรินไม่ใช่นะโมตัสสะ เป็นบทโปรแกรม

ใช้บทนี้ล้างจิตตัวเองและอย่าภาวนาเพื่ออยากได้สิ่งนี้!!!!!

จงภาวนาเพราะฉันเป็นอย่างนี้

ฟังปรินนะ อย่าภาวนาเพื่ออยากได้สิ่งนี้ จงภาวนาเพราะฉันเป็นอย่างนี้

เป็นอย่างนี้ฉันพูดในสิ่งที่ฉันเป็น

สิ่งที่คุณพูดเพื่อขอไม่เคยเป็นจริง

สิ่งที่คุณพูดเพราะมันคือสัจจะของคุณมันจะเป็นความจริง

ความจริงในโลกมายานะคะแก้ปัญหาตรงนี้ก่อน “

……………………………..

ขอให้พลังงานแห่งความรักจงสถิตอยู่กับท่าน

#ด้วยรักอันเป็นนิรันดร์
#LadyRiverawitchofstone
Lady Rivera Witch of Stone

แสงส่องใจ

ดัดลวดว่ายากแล้ว
เวลาถ่ายรูปจับมิติแสงทะลุผ่านหินยากกว่า

ที่เห็นโพสต์รูปนี้ ตัดรูปออกไปแล้วสิบรูป

ศิลปะทั้งภาพและหินอเมทิสถ่ายยากสุดตรงทำยังไงให้การย้อนแสงทะลุผ่านกล้องเหมือนตาเห็น เพราะเวลาย้อนแสง ถ่ายแล้วภาพจะมืด

ภาพสวยยามเช้าส่งพลังจากมิติแสงและหินมาให้เธอแทนกำลังใจ

#ด้วยรักอันเป็นนิรันดร์
#ladyRiveraWitchofStone
Lady Rivera Witch of Stone

เท่านั้นเอง

หนังสือปรัชญาทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น เซนต์,สนทนากับพระเจ้า,โอโช,รีพัคโชปรา, อารียาเมตายา ข้อความต่างมิติ หรืออะไรก็ตาม

ล้วนเป็นเพียงการอธิบายสัจธรรมในแบบที่พวกเค้าตระหนักรู้เข้าใจ

แล้วเขียนถ่ายทอดมาให้คนอ่านในแบบของเค้า

เท่านั้นเอง

สัจธรรมมีเเก่นเพียงหนึ่งเดียว อยู่ที่เราจะเข้าใจให้ถ่องแท้อย่างไร ในมุมมองไหน

เท่านั้นเอง

#ด้วยรักอันเป็นนิรันดร์
#LadyRiveraWitchofStone
Lady Rivera Witch of Stone

จะเป็นยังไง ? ถ้าเรา…..รู้วันตายของตัวเอง

จะเป็นยังไง ?
.
.
.
.
.
ถ้าเรา…..รู้วันตายของตัวเอง
เหมือนสินค้าที่มีวันหมดอายุบอกไว้
เป็นคำถามที่แว็บขึ้นมาในใจเมื่อเช้า
หลังจากที่ได้อ่านการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องราวน่ารักเรื่องนึ่ง
‘ถ้าจระเข้จะตายในอีก 100 วัน’ หรือ ‘100日後に死ぬワニ’
เป็นผลงานของ yuukikikuchi
คนเขียนใช้ตัวการ์ตูนคือจระเข้หนุ่มเป็นตัวเอกในการเดินเรื่อง
เรื่องมีอยู่ว่า จระเข้ตัวนี้จะตายในอีก 100 วัน
เจ้าจระเข้ไม่รู้ตัวหรอกค่ะว่าจะตายในอีก 100 วัน
จะมีแต่ผู้อ่านเท่านั้นที่รู้
ราวกับพระเจ้ากำลังมองดูเรื่องราวชีวิตของมนุษย์คนนึง
ในแต่ละหน้า
แต่ละวัน
แต่ละตอน
ที่ผ่านไป
คือการนับ 1 ถึง 100 ไปเรื่อยๆ ใกล้หมดเวลาชีวิตไปทุกที
เค้าแอบรักสาวรุ่นพี่ที่ทำงานอยู่ที่เดียวกัน
หลายครั้งที่เค้ารวบรวมความกล้า เพื่อชวนเธอไปเที่ยวออกเดท
เเละถูกเธอปฏิเสธ
หลายครั้งที่เค้าขัดแย้งในตัวเอง
ว่าจะบอกรักเธอไปตรงๆดีไหม
หรือเลือกที่จะเก็บไว้ในใจ
ไม่พูดออกมา
แต่สุดท้าย
เค้าลาออกมา โดยไม่บอกความในใจออกไป
ซึ่งทำให้สาวรุ่นพี่ที่เพิ่งรับรู้หัวใจตัวเองว่าเริ่มชอบเค้า
เมื่อเค้าได้ลาออกไปแล้ว
เค้าใช้ชีวิตในแต่ละวันไม่ต่างจากเรา
แอบรักสาวรุ่นพี่ ชอบเล่นเกม ดูหนัง ชอบกินราเมง ซื้อของออนไลน์ อยู่คนเดียว ไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง ขยันทำงาน ช่วยเหลือผู้อื่น
หลังจากที่ลาออกมา เค้าได้งานทำที่ใหม่
ซึ่งเจ้าของร้านได้ให้คำถามฉุกคิดแก่เค้า
” ชีวิตนี้ เกิดมาต้องการเป็นอะไร ? “
“ถ้าบอกรักไปแล้วเสียใจ กับเสียใจที่ไม่ได้บอกรัก
อย่างไหน เสียใจมากกว่ากัน ? “
ดูเหมือนคำถามที่สองจะมีแรงผลักดันกับชีวิตของเค้าเป็นอย่างมาก
ในที่สุด ด้วยกำลังใจจากนายจ้างบวกกับแรงเชียร์ของเพื่อนๆ
ทำให้เค้ากลับไปหาสาวรุ่นพี่คนนี้อีกครั้ง
ถึงแม้ว่าการออกเดทครั้งแรกจะมีขลุกขลักไปบ้าง
แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กลับดำเนินไปได้ด้วยดี
เมื่อฤดูดอกซากูระบานมาถึง
ในขณะที่เพื่อนๆบางคนของเค้า เปลี่ยนงาน ลาออกกันไป
เปลี่ยนเป้าหมายชีวิต เริ่มต้นชีวิตใหม่
ส่วนตัวเค้าเองกำลังเดินทางไปหาคนรักและเพื่อนๆที่นัดกันไว้
เพื่อชมดอกซากูระบานด้วยกัน
เพื่อนที่อยู่ในกลุ่มหนึ่งในนั้น
ได้อาสาขับมอเตอร์ไซค์เพื่อมารับเค้า
เพราะเห็นนานผิดปกติ
กลับพบว่า
เค้าได้เสียชีวิตลงบนท้องถนนแล้วก่อนหน้านั้น
เพราะอุบัติเหตุบนถนน
เรื่องราวก็ดำเนินมาถึงตอนสุดท้ายพอดี
ที่จริง วันตายของเราก็เป็นเพียงแค่ วันธรรมดาวันนึง เท่านั้นเอง
แต่สิ่งนึงที่เรื่องราวนี้ได้บอกเราไว้คือ
เราไม่รู้ว่าเราจะตายเมื่อไหร่ ?
แม้แต่ไพ่ก็ทำนายไม่ได้
หากสิ่งที่จะทำ ที่ตั้งใจไว้ ยังไม่ได้ทำ
ก็ทำเถอะ
หรืออยากบอกความในใจอะไรกับคนที่เรารัก
บอกเค้าไปเถอะ
ดีกว่าที่เมื่อวันนั้นมาถึง
แล้วมานึกเสียใจภายหลังในสิ่งที่ไม่ได้ทำ ไม่ได้พูดออกไป
เพราะชีวิตและอนาคตเป็นสิ่งคาดเดาไม่ได้
ชีวิตไม่ได้มีฉลากติดบอกไว้เหมือนสินค้า
ถ้าเรารู้วันหมดอายุล่วงหน้า
ชีวิตอาจไม่สนุกและสงบใจได้
เพราะเราอาจเฝ้าพะวงถึงวันตายมากไปก็ได้นะ
ถึงแม้ว่าร่างกายนั้นเป็นเสื้อผ้าที่เปราะบาง
แต่ จิตวิญญาณนั้นแข็งแกร็งอยู่ชั่วนิรันดร์
ทุกเรื่องราวในภพชาติ มันคือการเดินทางของจิต

#ด้วยรักอันเป็นนิรันดร์
#LadyRiverawitchofstone
Lady Rivera Witch of Stone

ความเชื่อกับไพ่

เพื่อนคนนึงชื่อมด

เธอมีไพ่ไว้ถึง 18 ชุดด้วยกัน

ตอนเราคุยกัน ด้วยความที่ตัวความคิดของนัทมันไวและไม่นิ่ง

ทำให้นัทโดนเธอกระตุกให้ได้สติอยู่เสมอ

อย่างเช่น

” นัท เธอตอบไม่ตรงคำถามอีกแล้ว “

” นัท หัดเป็นคนโง่ดูบ้างได้ไหม “

” มันเป็นอย่างนั้นจริงๆหรือเราคิดไปเอง “

หรืออย่างนัทจะถามไพ่กับเธอ

หากคำถามนั้นมันเต็มไปด้วยพลังงานลบ

ก็จะโดนเธอพูดให้ได้สติ กลับมาว่า

” ถ้าเรื่องแบบนี้ยังกังวล ไปทบทวนจิตของตัวเองก่อน! “

หากในแง่มุมมองเรื่องคำทำนายไพ่

” ถ้าเราทำนายตรงกับคำตอบในใจที่เค้าเตรียมไว้ คนเค้าก็จะบอกว่าแม่น

แต่ถ้าไม่ตรงกับคำตอบในใจที่เค้าคาดหวัง เค้าก็จะบอกว่าไม่แม่น “

ในมุมมองที่ได้คุยกัน เลยทำให้เข้าใจได้อย่างนึง

ไพ่ไม่ได้กำหนดโชคชะตา

มุมมองที่เรามีต่อตัวเอง มีอิทธิพลต่อชีวิตมากกว่าโชคชะตาเสียอีก

เธอบอกว่าถ้าสวมแว่นตาถูกอัน ก็เดินไปถูกทางเอง

อันนี้แหละที่นัทยังไม่เข้าใจ ในข้อนี้มากนัก

อะไรจะเป็นเครื่องตรวจสอบได้ว่า มันถูกทาง หรือกำลังเดินเซหลงอยู่กันแน่นะ

ตรงนี้ที่นัทยังต้องเรียนรู้อีกมาก

#ด้วยรักอันเป็นนิรันดร์
Lady Rivera Witch of Stone

#ladyRiveraWitchofStone
#ดูดวงไพ่ยิปซี
#ดูดวงความรัก
#Freewill_เจตจำนงอิสระ

โหราศาสตร์ปฏิวัติกรรม ต่างจากโหราศาสตร์ไทย ยังไง ? ตอนที่ 1 เชิงปฎิบัติการ

โหราศาสตร์ปฏิวัติกรรม ต่างจากโหราศาสตร์ไทย ยังไง ?

ตอนที่ 1 เชิงปฎิบัติการ 

1.โหราศาสตร์ไทย ถือเอา 6โมงเช้าเป็นวันใหม่ ทำให้คนรุ่นใหม่ที่ถือสูติบัตรเวลาสากล ( งงแดก )

แต่ โหราศาสตร์ปฏิวัติกรรม ถือเอาเวลาเที่ยงคืนเป็นวันใหม่ ตามหลักสากล ทำให้ตั้ง Birth Chart ดวงเกิด ง่ายขึ้น

2.โหราศาสตร์ไทย ยึดเอาประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง ถ้าเกิดต่างประเทศ ต้องคำนวณกลับมาเป็นเวลาประเทศไทย เอา 6โมงเช้าอยู่ดี

โหราศาสตร์ปฏิวัติกรรม ยึดเอา Greenwich time เป็นศูนย์กลาง ถึงจะเกิดประเทศไหน ก็เข้าไปผูกดวงได้ตามเวลาเเละสถานที่เกิดจริง แล้วระบบจะคำนวณกลับมาเป็นเวลากรีนิชที่ลอนดอนให้เอง ง่ายกว่า

3.โหราศาสตร์ไทย ยึดเอาวันเกิด จันทร์-อาทิตย์ ในความสำคัญของชะตา 
แต่ โหราศาสตร์ปฏิวัติกรรม วันเกิดเหล่านั้นไม่มีความสำคัญเลย

4.โหราศาสตร์ไทย ไม่ยึดเอาองศาเป็นหลักสำคัญ 
แต่ โหราศาสตร์ปฏิวัติกรรม องศาสำคัญมาก เพราะนอกจากกำหนดระยะทำมุมแล้ว ยังต้องใช้ในการคำนวณจุด Arabic parts ด้วย

5.โหราศาสตร์ไทย ใช้เลขแทนดวงดาว 1-9
โหราศาสตร์ปฏิวัติกรรม ใช้สัญลักษณ์ดวงดาว Planets symbols 

6.โหราศาสตร์ไทย ใช้เรือนเกิดและราศี แน่วแน่อยู่กับที่ ลัคนาย้ายไปอยู่เรือนต่างๆ 

โหราศาสตร์ปฏิวัติกรรม ใช้จุดลัคนาเกิด Ascendant อยู่กับที่ เรือนเกิดและราศีเรือนให้ตั้งต้นตามจุดตามลัคนา

7.โหราศาสตร์ไทย ไม่มีดาวสมัยใหม่ Modern planets อย่างเนปจูนและพลูโต 
โหราศาสตร์ปฏิวัติกรรม มีเนปจูนกับพลูโต

8.โหราศาสตร์ไทย เรือนต่างๆมีชื่อเฉพาะ ตนุ / สหัชชะ

โหราศาสตร์ปฏิวัติกรรม เรือนต่างๆเรียกว่าเรือน 1-12 เป็นปกติ ส่วนธรรมชาติของเรือน มีธรรมชาติพื้นฐานที่แปลความหมายเหมือนเรือนตนุ ถึง เรือนวินาศ แต่เพิ่มความหมายหลากหลายขึ้นอีกทั้งในเชิงจิตวิทยา จิตวิญญาณ และอดีตชาติด้วย

9.โหราศาสตร์ไทย ให้ความหมาย “ราหู” ทางบาปเคราะห์ ลุ่มหลง มัวเมา 
โหราศาสตร์ปฏิวัติกรรม จะให้ ” Nodes ” มีความหมาย บอกรูปแบบกรรมเดิมที่ทำผิดพลาดและกรรมใหม่ ที่จะมาช่วยแก้ไข

10.โหราศาสตร์ไทย ใช้หลักทักษาเข้ามาร่วมอ่านชะตาด้วย 
แต่ โหราศาสตร์ปฏิวัติกรรม ไม่มีหลักทักษา

11.โหราศาสตร์ไทย สอนให้ ” ท่องจำ ” หลักเป็นข้อๆ ห้ามถามว่าเพราะอะไร ให้ทำตามหลักนี้เท่านั้น เค้าสอนกันมาแบบนี้ 

แต่ โหราศาสตร์ปฏิวัติกรรม สอนให้ ” ทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ” ถึงพลังงานต่างๆ และความมีปฎิสัมพันธ์กันของจุดต่างๆในดวงชะตาแทนการท่องจำแบบนกแก้วนกขุนทอง 

……………………..

เพราะโหราศาสตร์ไม่ใช่สิ่งงมงาย 

หากเห็นว่ามีประโยชน์ แชร์ได้นะค่ะ

ส่วนใครมีคำถามอะไรเพิ่มเติม คอมเม้นท์มาได้ค่ะ  เดี๋ยวนัทจะมาไลฟอ่านรายละเอียดบางส่วนของหนังสือเล่มนี้ให้ฟังอีกที

#ด้วยรักอันเป็นนิรันดร์ #RIVERA #LadyRiverawitchofstone

อิสรภาพในรักแท้คืออะไร ? ตอนที่ 2

อิสรภาพในรักแท้คืออะไร ?

ตอนที่ 2

สมมุติว่าคุณรักแฟนคุณ
ยกตัวอย่าง

แล้วคุณรู้สึกว่าเขาเนี่ยเป็นคนมาเติมเต็มชีวิตคุณ แล้วถ้าวันใดวันหนึ่งเขาไม่ได้เติมเต็มแล้วคุณก็ขาดหายไปเลยครึ่งหนึ่งครึ่งหนึ่งของชีวิตที่เธอทำหายไป

แล้วก็ถ้าวันใดวันหนึ่งคุณให้ความรักเขา คุณมีมายเซตยังงี้ว่า ต่างคนต่างเอาความรักไปเติมให้กัน

เราก็จะต้องคอยจับจ้องอีกฝ่ายหนึ่งตลอดเวลาว่าเธอยังเติมความรักให้ฉันไหม ?
ฉันยังเติมให้เธออยู่นะ เข้าใจป่ะฉันยังให้เธออยู่นะ เธอตอบสนองฉันมายังไง ?

มันจะชั่งตวงวัดอยู่ตลอดเวลา พอเขารักเราน้อยลงก็เสียใจ
พอเราทุ่มเทอะไรไปแล้วเขาไม่เห็นคุณค่าก็เจ็บปวด

เพราะเรามีไปมีมายเซตอย่างงี้ไงว่าต่างคนเอาความรักมาเติมให้กัน

แต่ถ้าเราเอาแบบทฤษฎีกลับหลังหันต่างคนต่างมาดึงความรักในตัวของกันและกันออกมา

ความรักอิ่มเต็มมันมีอยู่แล้วข้างใน
เราแค่มาสะท้อน
เราปฏิสัมพันธ์การพูดคุยกันมีความสัมพันธ์มีกิจกรรมร่วมกันมีบอกว่าประสบการณ์ชีวิตร่วมกันเพื่อดึงต่างฝ่ายต่างมาสะท้อนกัน มันเป็นกระจกสะท้อนกันให้เธอรู้นะว่าในตัวเธอมีความรักมากกว่านี้
ให้เธอรู้นะว่าในตัวเธอมีความเมตตามากกว่านี้
ให้เธอรู้นะว่าในตัวเธอมีความอิ่มเอมพร้อมสรรพอยู่ทั้งหมดแล้ว

มันสะท้อนก็อย่างนี้ล่ะค่ะ

ไม่ใช่การแบบต่างคนต่างมาเติมให้กัน มายเซตแบบนี้มันก็พังนะคะ

เราก็จะยึดติดที่ตัวตน
เราก็จะแบบเฝ้าดูพฤติกรรมของกันและกันมันถึงเกิดความผิดหวังไงคะ

โลกนี้มันถึงมีคนแบบประเภทที่ว่าทำไมหนูทุ่มเทให้เขา
หนูเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่าง
หนูนะยอมสละไม่อยู่กับพ่อกับแม่นะบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปอยู่กับเขาสุดท้ายเขาก็ทิ้งหนู

นี่ไง เป็นความรักแบบงบกำไรขาดทุน

ความรักแบบงบกำไรขาดทุนทำอะไรไว้จำได้หมดอ่ะ

ฉันเคยทำอะไรให้เขา
ฉันเคยเปลี่ยนตัวเองเพื่อเขา
เคยให้อะไรเขามันจำได้หมดเลย

ไม่รู้มันให้ภาษาอะไรมันจำที่ดี้ดี
แล้วมันก็คอยชั่งตวงวัดตลอดเวลาว่ากูให้มึงเท่านี้ มึงเอากลับมาเท่าไหร่
กูให้มึงเท่านี้ ทำไมมึงให้กูกลับมาแค่นี้อ่ะ

นี่หรือคือรางวัลที่ฉันได้ตอบแทนจากคนที่แสนรักเจ็บปวดนักรักทรมานเอาฉันไปประหารให้ตายเสียยังดีกว่า

ใช่ไหม!!

ผิดหวังตลอด อกหักซ้ำบ๊อยบ่อย

ผิดหวังคนนั้นคนนี้ไม่เป็นอย่างที่คิดคนนั้นคนนี้ไม่สมกับที่รักทุ่มเทไปเขาก็ไม่เห็น เขาดันไปรักคนที่ไม่ได้ดีกับเขาเท่าเรา

พอถึงเวลาก็ถามอยู่นั่นแหละ

มันดีกว่ากูตรงไหนบอกมาซิโลกนี้จะมีใครรักมึงเท่ากูไหม
มึงรู้ไหมเนี่ยกูต้องทำอะไรเสียสละอะไรบ้าง

สุดท้ายเราไม่รู้ไง ตัวมึงอ่ะไม่รู้เอง

เพราะฉะนั้นมนุษย์ทุกคนนะคะ
ถ้าคุณจะมีความสุขเริ่มจากการกลับหลังหันเข้ามาก่อน

รู้ก่อนว่าข้างในมันมีทุกอย่างครบหมดแล้ว

แล้วเวลาที่เราไปปฏิสัมพันธ์กับใครอ่ะเพียงแค่สะท้อนแล้วดึงสิ่งนั้นออกมา

ความมั่งคั่งร่ำรวยสุขภาพร่างกายแข็งแรงโชคลาภความรักความสัมพันธ์การงานการเงินยศฐาบรรดาศักดิ์อะไรแล้วแต่มึงมีทุกอย่าง

อยู่ในตัวเราหมดแล้ว

เริ่มต้นจากตรงนี้แล้วคุณจะไม่รู้สึกขาดความรัก ไม่รู้สึกขาดเพราะมันมีอยู่แล้วฉันแค่เรานึกถึงให้มันมากขึ้นเท่านั้นเอง

รักที่มันเป็นรักออกมาจากคนแบบนี้นะคะ เวลามันจะแบ่งปันความรักให้ใครมันจะเป็นการล้นออกไป

นึกถึงเวลางานเลี้ยงแล้วเขาเอาแก้วมาเรียงเรียงเรียงเรียงกันเป็นชั้นๆน่ะแล้วเวลาเขาเติมน้ำสระแก้วบนสุดอ่ะให้นึกถึงแบบนั้น

คือเราเติมความรักของตัวเองให้เต็มขึ้นมาแล้วมันก็ล้นลงไปสู่แก้วใบที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ชั้นที่ 2 ชั้นที่ 3 ชั้นที่ 4 สืบเนื่องไปให้มันล้นออกมาแบบนี้

นี่คือคนที่เต็มความรักของตัวเอง เต็มละแล้วก็แผ่ออกไป

เวลาที่คุณจะไปโหยหาคู่รักของคุณ
จะไปเกาะเกี่ยวสัมพันธ์กับใคร
คุณก็จะไม่คาดหวังกับใครเลย

เพราะว่าฉันเนี่ยคือฉันเต็มแล้ว ถ้าเกิดฉันยังไม่เต็มฉันก็รู้ว่าจะทำให้มันเต็มจากข้างในของฉัน ไม่ได้เกี่ยวกับเธอ

เราแค่มีพันธสัญญามาสะท้อนซึ่งกันและกันว่าฉันจะมาทำให้เธอเข้าใจเรื่องนี้นะ

คนบางคนไปเจอผู้ชายเจ้าชู้
ไปเจอผู้หญิงเจ้าชู้อย่างนี้ก็เพื่อจะเห็นสถานการณ์นั้นสะท้อนความรักความเมตตาในตัวออกมาอีก
สะท้อนความรักเมตตาในตัวออกมาอีก ผ่านกระบวนการประสบการณ์แบบนี้

แค่นั้นเองค่ะ แล้วเราก็จะเจอใครก็ได้

ไม่มีใครมาทำให้ความรักในตัวเรามันน้อยลงกว่านี้ได้

คัดข้อความบางส่วนจากไลฟ เพจรวยเฮงเก่งดี โดยพี่ปริณ แก้ววัชระพล

#ด้วยรักอันเป็นนิรันดร์
เรียบเรียงโดย #LadyRiverawitchofstone

คุณเข้าใจคำว่าอิสรภาพในรักแท้ยังไง ?

คุณเข้าใจคำว่าอิสรภาพในรักแท้ยังไง ?

คุณเข้าใจคำว่าอิสรภาพในรักแท้ยังไง ?
.
.
.
.
ยังไงช่วยบอกมาหน่อยนะคะ ว่าคุณเข้าใจคำว่าอิสรภาพในรักแท้ยังไง

เพราะว่าเราคุยกันเรื่องนี้เยอะพูดถึงเทปที่เกี่ยวกับความรักรักมันมีหลายมิตินะคะรักแบบคู่รักๆแบบความสัมพันธ์ครอบครัวรักแบบเพื่อนฝูง แบบรักตัวเองนะคะความรักมีหลายแบบเราคุยกันมาทุกมิตินั่นแหละ

ที่นี้ในสิ่งที่มันอยู่ในทุกเทปก็คือเราพูดถึงรักแท้มันจะต้องเป็นรักที่ให้อิสรภาพต่อกันแล้วเพื่อนๆที่ฟังรายการกันอยู่นะคะรู้สึกถึงอิสรภาพยังไงมันคืออะไรอิสรภาพในรักแท้เนี่ยคุณเข้าใจว่ายังไงไหนลองอธิบายมาให้ฟังหน่อย

อิสรภาพเพราะเราคุยกันเสมอเลยว่ารักแท้รักที่แบบเป็นรักจริงๆอ่ะคือเป็นแบบที่สามารถให้อิสรภาพกันได้นะคะ

สิ่งที่เป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่เราควรจะให้คนอื่นก็คือให้อิสรภาพกับเขา

เราไม่ไปกะเกณฑ์อะไรเขา
เราไม่ไปกำหนดอะไรเขา
เราไม่ไปคาดหวังอะไรในตัวเขาทั้งนั้นให้เขาเป็นอย่างที่เขาเป็นนะคะแล้วก็มอบอิสรภาพให้ตัวเองซึ่งนั่นก็เป็นเป้าหมายหลักของทฤษฎีกลับหลังหันนะคะที่เราพูดถึงการเดินทางกลับสู่ภายในพูดถึงการพบอิสรภาพทางจิตวิญญาณ

เพราะฉะนั้นอยากรู้ว่าเพื่อนๆเนี่ยเข้าใจคำว่าอิสรภาพที่แท้จริงในรักแท้ยังไงนะคะ

อันนี้คงไม่ต้องมาตัดสินถูกผิดนะคะ
ในทัศนะของแต่ละคนก็จะมองแตกต่างกันไป

ก็คืออย่างนี้ค่ะ

เรามาจากความรักนะ
เรามาจากพลังของจักรวาลแห่งความรักอันยิ่งใหญ่เพราะฉะนั้นการกลับสู่มันก็คือการกลับไปสู่ความรัก

มันไม่ใช่รักมนุษย์แบบที่เข้าใจนะคะ

มันเป็นรักเป็นรักเมตตารักไร้เงื่อนไขรักแบบอิ่มเอมพร้อมที่จะให้อิสระเธอทุกอย่าง

มันไร้เงื่อนไขจริงๆ ไม่ต้องมีเงื่อนไข

ไม่ต้องว่าคนนี้เป็นพ่อฉันก็เลยรัก
คนนี้เป็นแม่ฉันก็เลยรัก
คนนี้เป็นลูกฉันก็เลยรัก
คนนี้เป็นแฟนฉันฉันก็เลยรัก

เธอถ้าเป็นคนอื่นฉันก็ไม่รัก อันนี้คือเงื่อนไขตัวใหญ่

แต่รักไร้เงื่อนไข คือ ไม่แยกเพศ
ไม่แยกสี ไม่แยกเผ่าพันธุ์สีผิวไม่เกี่ยวไม่ใช่คนดีคนชั่วนะคะ จักรวาลนี้ธรรมชาติคืมอบทุกอย่างให้กับทุกคน

คุณจะชั่วแค่ไหนคุณก็มีอากาศหายใจใช่ไหมคุณจะนิสัยแบบน่าเกลียดแค่ไหนไม่เป็นประโยชน์กับชีวิตใครเลยแต่คุณก็ยังอยู่บนโลกนี้ได้รับแสงแดดได้รับอาหารนะคะได้นอนหลับพักผ่อนได้เต็มที่ อันนี้ค่ะคือความไม่มีเงื่อนไข

ที่นี่ถ้าเกิดเรามานั่งคุยกันว่าทำไมมนุษย์ถึงค้นหาความรัก
ทำไมเราถึงต้องโหยหาความรัก
ทำไมความรักมันทำให้เราเติมเต็มได้ปริณก็ว่ามันน่าจะเป็นอย่างนี้แหละ

คือเรามาจากความรักเราก็เลยจะกลับสู่ความรักแต่ด้วยความที่เราไม่เข้าใจคือเราไม่รู้เราก็เลยไปไขว่คว้าความรักแบบที่มนุษย์รักกันแบบที่มันเป็นความรักที่เรียกว่ามาเติมเต็มกันนะคะนะคะ

ซึ่งจะต้องบอกไว้ก่อนว่าถ้าใครต้องการจะดูรายการแบบชัดเจนเลยนะคะไปดูเทปที่เกี่ยวกับความรักทั้งหมดเข้าใจความรักระดับจิต
อย่างปริญญาเอกชีวิตคู่นะคะแล้วก็อะไรอีกเยอะแยะเลยนะใครจำชื่อได้ก็แบ่งปันมาก็ได้นะคะ

เพราะเราอยากจะกลับสู่ความรักเราก็เลยหานะคะ

แต่เวลาเราไปหา เราเราไปตามหาเนี่ย

มันเป็นความเข้าใจผิด นึกว่าความรักจากข้างนอกอ่ะมันมาเติมเรานะคะ

ในเทปเก่าก็พูดแล้วว่า
จริงๆแล้วอ่ะเรามาเจอกันเพื่อดึงความรักออกมาจากตัวเรา
ไม่ได้เอาจากข้างนอกมาเติมใส่เรา

เข้าใจใช่ไหมคะ
ดึงความรักที่มีอยู่แล้วเพราะเราเกิดมาจากความรักและไร้เงื่อนไข
รักอย่างไร้ขอบเขตไร้กาลเวลานะคะ
เราต้องการจะสัมผัสถึงความอิ่มเอมอบอุ่นปลอดภัยไว้วางใจตรงนั้นน่ะ

เพราะฉะนั้นการที่เรามาเจอกันและกันก็ต้องมีคู่รักนะคะบางคนก็เชื่อเรื่องทวินเฟรมบางคนก็เชื่อเรื่องเนื้อคู่บุพเพสันนิวาสอะไรต่างๆนานๆนะคะก็เพื่อจะมาดึงสิ่งนี้ออกจากตัวของกันและกันคือให้รู้สึกถึงความรักข้างในมากขึ้น

ถ้าเราตั้งธงไว้แบบนี้นะคะว่าการที่เราจะเจอใครนะคะปฏิสัมพันธ์กับใครจะเป็นพ่อแม่ลูกเรานะคะพี่น้องแฟนเราทุกคนเนี่ย

เรามาปฏิสัมพันธ์กันเพื่อที่จะดึงความรักความเมตตาจากข้างในของเราออกมา

ถ้าเราตั้งธงแบบนี้ คนแบบนี้มันจะไม่อกหักนะคนแบบนี้มันจะไม่เจ็บปวดกับความรักคนที่เข้าใจเส้นทางแบบนี้มันจะมีแต่ถ้าคนนี้เขาดึงออกมาได้เท่านี้แล้วมันก็สิ้นสุดภารกิจกันไปเขาจากเราไป ก็ไม่เป็นไรเราก็นึกถึงความรักความเมตตาของเราข้างในอยู่อย่างนั้นนะคะเพิ่มระดับมันขึ้นไปเรื่อยๆ

ก็เรารู้แล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันอยู่ข้างใน มันไม่ได้อยู่ข้างนอก แม้กระทั่งความรักก็ตาม

เพราะฉะนั้นถ้าคุณไปรักใครแล้วคุณรู้สึกว่าคุณขาดเขาไม่ได้เขาคือส่วนที่มาเติมเต็มในชีวิตคุณนะคะ

มันชีวิตคุณจะหายนะทันทีเลย

เพราะว่าเขามีโอกาสจะไปจากชีวิตคุณเมื่อไหร่ก็ได้

พ่อแม่ก็มีโอกาสตายจากคุณเมื่อไหร่ก็ได้หรือคนที่คุณรักเขาอาจจะทำอะไรที่คุณไม่ชอบเมื่อไหร่ก็ได้

ความรักที่มันไม่ได้เกิดจากความเข้าใจกับที่เราคุยกันในข้างต้นเนี่ยมันก็เลยทำให้เกิดความผิดหวังนะคะ

คาดหวัง ผิดหวัง แล้วก็เป็นภาระ

ติดตามตอนต่อไป
คัดจากข้อความบางตอนของไลฟ์เพจรวยเฮงเก่งดี โดยพี่ปริณ แก้ววัชรพล

เรียบเรียงโดย
#LadyRiverawitchofstone

I held you in love

I held you in love

ความรักจะรวบรวมเธอเข้าดังฝักข้าวโพด
มันจะแกะเธอออกจนเปลือยเปล่า
แล้วมันจะร่อนเพื่อให้เธอหลุดจากเปลือก
มันจะบดเธอจนเป็นผงขาวแล้วก็จะขยำจนเธออ่อนเปียก
แล้วมันจะนำเธอเข้าสู่ไฟอันศักดิ์สิทธิ์ของมันเพื่อว่าเธอจะได้กลายเป็นอาหารทิพย์ของพระเป็นเจ้า

จากหนังสือ ” ปรัชญาชีวิต ” ของคาลิล ยิบราน ฉบับ ระวี ภาวิไล

ฉันโอบกอดเธอเอาไว้ด้วยความรัก

cr.ภาพ ชณัฏ เจริญพานิช

#ด้วยรักอันเป็นนิรันดร์#RIVERA
#LadyRivera#witchofstone
#LadyRiveraWitchofStone

ก่อนจะหลับไปในคืนนี้

ก่อนจะหลับไปในคืนนี้ จงตั้งดวงฤดีไว้ให้มั่น
นึกถึงกุศลผลบุญที่ทำไว้นั้น
ก่อนจะหยั่งจิตลงสู่นิทรา

cr.ภาพ ชณัฎ เจริญพานิช

#ด้วยรักอันเป็นนิรันดร์ #RIVERA
#LadyRivera #witchofstone
#LadyRiveraWitchofStone